Last updated: 9 ก.ค. 2567 | 113 จำนวนผู้เข้าชม |
รู้ไหมว่า 80% ของคนเป็น Office Syndrome นั้นเป็นคนทำงานออฟฟิศหรือสำนักงาน ซึ่งมากกว่าคนทำอาชีพอื่นที่ต้องเคลื่อนที่ตลอดเวลา และแน่นอน ถ้าคุณเป็นคนกลุ่มนี้ เท่ากับคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการออฟฟิศซีนโดรมอย่างมาก
แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่า ตอนนี้ฉันกำลังประสบปัญหากับอาการนี้อยู่ ก่อนอื่นแนะนำสำรวจตัวเองก่อนว่าจะเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นออฟฟิศซีนโดรมหรือไม่
1. ปวดหลังเรื้อรัง อาการนี้อาจมีอาการไมเกรนร่วมด้วย เพราะเกิดจากความเครียดและใช้สายตามากเกินไป เช่นอ่านเอกสารหรือจ้องหน้าจอคอมนาน แสงจากที่ทำงานไม่พอ
2. อาการปวดตึงที่คอ บ่า และไหล่เรื้อรัง เพราะนั่งหลังขดหลังแข็งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานกว่า 8 ชม.
3. อาการปวดหลัง การนั่งหลังขดหลังแข็งเป็นเวลานาน ย่อมเป้นสาเหตุหลักของอาการปวดหลัง ซึ่งถือว่าทรมาณมาก
4. อาการนิ้วล็อค เกิดจากปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ เพราะต้องคอยงอนิ้วตลอดเวลาในการพิมงาน และเล่นโทรศัพท์
5. อาการเหน็บชา และ ตึงที่ขา เกิดจากการนั่งทำงานนนานๆ จนเส้นเลือดถูกกดทับ และส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด
ถ้ามีการเหล่านี้ แนะนำ ควรปฎิบัติตัวให้เหมาะกับอาการ
โดยใช้หลัก 10:20:60
- 10 : พักสายตาจากจอคอม 10 นาที เพราะการมองหน้าจอนานเกิน 8 ชั่วโมง อาจทำให้เกิดการปวดตาและส่งผลเสียต่อสายตาได้
- 20 : ลุกเดินเล่นหรือเปลี่ยนอริยาบททุกๆ 20 นาที อย่าอยู่ที่เดิมนานครับ เดินบ้าง ขยับบ้าง การเดินมีประโยชน์กว่าที่คิดมากครับ
- 60 : ครบ 60นาทีให้ยืดเหยียดกล้ามเนื้อและแขน โดยการบริการคอ สะบัก ไหล่ แขนมือ เอว หลัง และ ขา
อาการ office syndrome ไม่ใช่โรค แต่ถ้าปล่อยไว้นาน ยิ่งเรื้อรัง และส่งผลต่อการใช้ชีวิต
การใช้น้ำมันสมุนไพรและยาหม่องสมุนไพร ก็เป็นอีกตัวเลือกนึง ที่ได้ผลและช่วยให้อาการทุเลาลงได้เช่นกัน
18 มี.ค. 2567
30 พ.ย. 2566